เครือข่ายละครกรุงเทพคืออะไร
เครือข่ายละครกรุงเทพ ได้แก่ กลุ่มผู้สร้างงานละครเวที ครูอาจารย์ที่สอนละคร รวมทั้งกลุ่มประสานงานเครือข่ายศิลปะต่างๆ จำนวนหนึ่ง ที่มารวมตัวเป็นเครือข่าย เพื่อสร้างพลังและพื้นที่การเสนองานของตนเองสู่สาธารณะ โดยมีความเชื่อร่วมกันถึงความจำเป็นในการดำรงอยู่ ที่เข้มแข็งและยั่งยืนของศิลปะในสังคม
ทั้งนี้ ด้วยความเข้าใจและความเชื่อที่ว่า ในการสร้างสรรค์ศิลปการละครต้องอาศัยพึ่งพา ซึ่งกันและกัน ของกลุ่มคนจำนวนมาก ทั้งในการผลิต การนำเสนอสู่สังคม การดำรงอยู่ การถ่ายทอดองค์ความรู้ และทักษะทางศิลปะ จากรุ่นสู่รุ่น เพราะ “ศิลปะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการที่มนุษย์อยู่รวมกันเป็นสังคม” ดังนั้น กลุ่มผู้สร้างศิลปการละครจึงอยู่กันอย่างโดดเดี่ยวไม่ได้ หากแต่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ ความร่วมมือซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา ทั้งในกลุ่มคนผลิตเองและกับกลุ่มคนดู
เครือข่ายละครกรุงเทพ ยัมีโครงสร้างการบริหารอย่างง่ายๆและยืดหยุ่นสูง มีเครือข่ายสมาชิกร่วม 50 ราย ประกอบด้วย คณะละครอาชีพที่ไม่มุ่งผลกำไร คณะละครหนุ่มสาว กลุ่มละครนักศึกษา และ ชุมนุม/ชมรมการละคร รวมทั้งภาควิชาศิลปะการละคร ในสถาบันต่างๆ และศิลปินละครอิสระ
ความเป็นมา
ราว ปี 2536 เป็นความพยายามครั้งแรกของนักการละครที่จะก่อการรวมตัวกัน ด้วยเห็นว่าศิลปการละครในเมืองไทยยัง อ่อนแอ เท่าที่ผ่านมานักการละครรุ่นใหญ่นั้น ล้วนเป็นผู้ที่มีความสามารถ มีศักยภาพสูง สร้างปรากฏการณ์ที่มีคุณค่าต่อวงการศิลปการละครมาเป็นระยะๆ แต่ขาดการเชื่อมโยง เกื้อหนุนกัน จึงไม่เกิดการงอกเงยไปสู่ความเข้มแข็งของศิลปการละคร ในระยะยาว ผลก็คือ “นอก จากศิลปะจะไม่ค่อยเติบโต หรือไม่ก็ต่างคนต่างโต แล้วมันยังโดดเดี่ยวอีก เมื่อมันโดดเดี่ยว มันก็ไม่เกิดพลัง และมันก็ไม่เกิดกำลังใจในการสร้างงาน” (ประดิษฐ ประสาททอง : 2546 )
จากความคิดเบื้องต้นนี้เอง นักการละครกลุ่มหนึ่งได้พยายามจัดตั้งเครือข่ายในรูปแบบองค์กร แต่ด้วยความอ่อนด้อยในประสบการณ์ และความไม่พร้อมอื่นๆ จึงยังไม่อาจก่อเกิดเป็นองค์กรเครือข่ายได้จริง
ต่อมาประมาณปี 2540 นักการละครรุ่นสำคัญ “คำรณ คุณะดิลก” และ “ภัทราวดี มีชูธน” เป็นแกนนำในการจัดตั้งสมาพันธ์ศิลปินละคร หลังจากประชุมร่วมกันประมาณสามสี่ครั้ง ก็ยังไม่อาจจัดตั้งเป็นสมาพันธ์ได้สำเร็จ หากสร้างแรงบันดาลใจแก่นักละครรุ่นหลัง ในอันจะก่อรูปเป็นเครือข่ายได้สำเร็จในกาลต่อมา
จนปี 2545 ประดิษฐ ประสาททอง หนึ่งในผู้ริเริ่มเครือข่ายฯได้ปรับรูปแบบและเป้าหมายเบื้องต้น ให้สอดคล้องกับธรรมชาติและวัฒนธรรมของสมาชิกในเครือข่ายซึ่งอุดมด้วยความหลากหลายแตกต่าง ทั้งวัยวุฒิ ประสบการณ์ ความพร้อมในการบริหารจัดการในรูปองค์กร มุมมอง ทัศนคติ ความรู้และการรับรู้ และความตระหนักรู้ในภาวะระยะยาว ซึ่งช่องห่างเหล่านี้ยังไม่อำนวยต่อการจัดตั้งเครือข่ายที่เป็นรูปแบบองค์กร อันมีโครงสร้างการบริหารจัดการซับซ้อน ซึ่งเรียกร้องความรับผิดชอบ ศรัทธา ทัศนวิสัย และวุฒิภาวะในระดับหนึ่ง
การตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และการจัดตั้งในรูปแบบองค์กรที่เป็นทางการ ตลอดจนการขับเคลื่อนที่รวดเร็ว อาจทำให้ลดทอนพันธมิตรที่ยังไม่พร้อมลงไป จนขาดสมดุลและพลัง “แทน ที่เราจะคิดไปถึง เป้าหมายใหญ่ๆ ทำไมเราไม่พัฒนาจากจุดเล็กๆ ไปก่อน เช่น เพียงแค่เราเริ่มดูละครของกันและกันบ้าง ใส่ใจกัน ไปดูวิธีเขาเค้าซ้อมละคร มีการยืมตัวนักแสดงกัน มีการยืมของกันระหว่างกลุ่ม ให้วัฒนธรรมนี้มันมันขยายวงออกไป ทำให้มันเป็นแบบ..ตั้งใจน่ะ ตั้งใจไว้เลย..ปวารณาตัวกันไว้เลยว่า..เราจะเกื้อหนุนกัน” (ประดิษฐ ประสาททอง : 2546 )
ดังนั้น ความพยายามครั้งใหม่ในการสร้างเครือข่ายละครจึงเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2545 ด้วยการประชุมพบปะสังสรรค์อย่างเรียบง่ายไม่เป็นทางการกลุ่มครู-อาจารย์ หนุ่มสาวที่สอนละครในสถาบันการศึกษา ที่สำนักงานกลุ่มละครมะขามป้อม มีครู-อาจารย์เข้าร่วมประชุมจำนวนมากกว่าที่คาดหมายไว้ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างอิสระโดยไม่มีเงื่อนไขของสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง บรรยากาศของการพบปะเต็มไปด้วยมิตรภาพ เกิดความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และได้บทสรุปร่วมกันว่าจะมีความร่วมมือกันมากขึ้น ส่งข่าวสารถึงกัน โดยให้คงความสัมพันธ์กันไว้อย่างหลวมๆ ไม่มีกฎเกณฑ์ไปก่อน
ต่อ มา เดือนมิถุนายน จึงมีการพบปะหารืออย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มละครหนุ่มสาวประมาณสิบกลุ่ม ด้วยจุดเริ่มต้นเดียวกันในกลุ่มเล็กๆ ว่า น่าจะมีการเชื่อมโยงให้ก่อเกิดพลังให้ได้
ใน เบื้องต้นนี้ เครือข่ายสมาชิก เลือกที่จะรวมตัวกันอย่างหลวมๆ ไม่มีโครงสร้างและกฎเกณฑ์ซับซ้อน ต่อเมื่อได้พัฒนาความสัมพันธ์ แนวความคิด และความตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นองค์ทางการแล้ว จึงจะพัฒนาสู่การจัดตั้งเป็นองค์กรเครือข่ายเต็มรูปแบบต่อไป
พันธกิจสำคัญที่พึงกระทำร่วมกันของเครือข่ายคือ ถ่ายทอดความคิดของความสำคัญในช่วยเหลือการเกื้อกูล การสร้างเครือข่าย เชื่อมโยง การสร้างและต่อยอดองก์ความรู้เพื่อพัฒนางานศิลปะละคร ให้อยู่ในจิตสำนึก ของนักการละคร รุ่นใหม่ๆให้สืบเนื่องไปในระยะยาว ซึ่ง การพูดหรืออธิบายเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีเครื่องมือ หรือแบบฝึกหัด ให้ได้ปฏิบัติจริงอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติและความพร้อมของนักการละครที่เป็นสมาชิก จนเกิดความเข้าใจและความตระหนักถึงคุณค่า ของเครือข่ายฯ ซึ่งก็มีหลายกิจกรรมที่น่าจะเกิดขึ้นได้ เช่น การพบปะสังสรรค์ การอบรมสมนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กัน ในหมู่สมาชิก การเชิญครู-อาจารย์ที่มีทักษะเชี่ยวชาญในศาสตร์การละครมาพูดคุยแลกเปลี่ยน กับเด็กรุ่นใหม่ การศึกษาดูงาน และอีกหลายๆ ประการ แต่แบบฝึกหัดสำคัญที่สมาชิกให้ความสนใจเป็นพิเศษ นั่นคือการจัด “ เทศกาลละคร ”
ด้วยความกระตือรือร้นที่จะผลักดันให้เกิดเทศกาลละครขึ้นทั้งที่ยังไม่มีความพร้อมใดๆ สมาชิกส่วนหนึ่งเห็นว่าถ้าไม่เริ่มต้นที่หนึ่งก็จะไม่มีสองไม่มีสามตามมา และการเริ่มต้นนั้นไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ บางทีถ้าต้องรอให้มันสมบูรณ์อาจจะไม่ได้เริ่มเลยก็ได้ ดังนั้น มหกรรมสีสันละครกรุงเทพ 2002 จึง เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่พร้อมนานัปการ ส่งผลให้การทำงานเต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรค หากเป็นงานที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจจริง ประตูแห่งการสื่อสารระหว่างชุมชนคนละครกับสังคม ได้เปิดกว้างออกแล้ว “ เรามารวมกันวันนี้ ไม่ใช่แค่ความสนุกสนาน แต่เพื่อแสดงให้รู้ว่า คนละครมีศักยภาพ พวกเราอยู่ที่นี่และมีตัวตน ” (สุรพล วิรุฬห์รักษ์ , กล่าวในพิธีเปิดงานสีสันละครกรุงเทพ : 2545)
เทศกาลละครเล็กๆครั้งนั้น จึงก่อเกิดเป็นปรากฏการณ์ สร้างความตื่นตัวให้กับวงการละครและสังคมทั่วไป และพัฒนามาสู่ “ เทศกาลละครกรุงเทพ” ในทุกเดือนพฤศจิกายนของปีต่อๆ มา ที่มีคณะละคร ศิลปิน นักวิชาการ และผู้ชม เพิ่มปริมาณ เข้าร่วมงานขยายวงขึ้นเป็นลำดับ จน ปัจจุบันมีสมาชิกในเครือข่ายฯ กว่า 50 คณะ ประกอบด้วย คณะละครอาชีพที่ไม่มุ่งผลกำไร คณะละครหนุ่มสาววัยสร้างสรรค์ กลุ่มละครนักศึกษา และ ชุมนุม-ชมรมการละคร รวมทั้งภาควิชาศิลปะการละคร ในสถาบันต่างๆ นักวิชาการ และศิลปินละครอิสระ ได้ผสานกันอย่างกลมเกลียว เกื้อหนุนกันและกันจนเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
เครือข่ายละครกรุงเทพ มีการแบ่งสมาชิกออกเป็น 3 หมวด คือ
- สมาชิกสามัญ เป็นคณะละครที่ผลิตผลงานต่อสาธารณะต่อเนื่องและยาวนานกว่า 3 ปี และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามระเบียบเครือข่ายละคร โดยกลุ่มสามัญทั้งหมดเป็นคณะกรรมการบริหารเทศกาลละครกรุงเทพ ปัจจุบันมีสมาชิกสามัญ ดังนี้ มะขามป้อม, มรดกใหม่, พระจันทร์เสี้ยว, แปดคูณแปด, บีฟลอร์, เสาสูง, นิวเธียเตอร์โซไซตี้, สมมุติ, เบบี้ไมม์และบางเพลย์ รวม 10 คณะ
- สมาชิกวิสามัญ เป็นกลุ่มที่ทำละครเวทีในหลายวัตถุประสงค์ เช่นละครเพื่อการพัฒนาเยาวชน ละครเพื่อการรณรงค์ ละครทางเลือก ฯลฯ มีผลงานสู่สาธารณะ แต่ไม่ต้องการจัดตั้งเป็นรูปองค์กรชัดเจน เป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของเครือข่ายฯ
- สมาชิกสถาบันการศึกษา เป็นกลุ่มชมรมละคร, กลุ่มอิสระ และ ภาควิชาที่มีการเรียนการสอนละครในมหาวิทยาลัย